บันทึกในลิ้นชัก - บันทึกในลิ้นชัก นิยาย บันทึกในลิ้นชัก : Dek-D.com - Writer

    บันทึกในลิ้นชัก

    ฉันเคยได้ยินมาว่า ความรักมักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม เติบโตด้วยจุมพิต และมักจบลงด้วยน้ำตา แต่ฉันคิดว่ารักควรจะเริ่มต้นจากความกล้ามากกว่า เพราะถ้าไม่มีสิ่งนั้น ความรักที่เจอก็ไม่มีวันเริ่มต้นขึ้นมาได้

    ผู้เข้าชมรวม

    1,785

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    1.78K

    ความคิดเห็น


    35

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 มี.ค. 52 / 00:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    + +
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




               สวัสดีจ๊ะ ไดอารี่  เรามีเรื่องเรื่องหนึ่งที่อยากจะเก็บไว้เป็นความทรงจำ จึงได้ลองพยายามเขียนบันทึกขึ้นมา  ถึงมันจะดูไม่ใช่บันทึกประจำวันมากนัก  แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เราจะไม่มีวันลืมเลย  เรื่องมันเริ่มขึ้นมาจากเมื่อหลายเดือนก่อน…


               ทุกๆเช้า  เรามักจะเห็นเขาที่ป้ายรถเมล์เสมอ  เขาจะขึ้นรถสายเดียวกับเรา  หรือบางครั้งถ้าเขายังไม่มา เราก็จะรอจนกระทั่งได้ขึ้นคันเดียวกัน   อันที่จริงเขาก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไปกว่าคนอื่นๆหรอก  
               เขาอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่ไปมา  แต่ทำไมล่ะ?  เราถึงได้มองเห็นเขาพิเศษกว่าผู้อื่น ทั้งๆที่เราเองก็ไม่ใช่คนที่จะสนใจ หรือสังเกตสิ่งรอบตัวมากนัก  แต่เราก็เห็นนะ  แววตาของเขา เราประทับใจในแววตาของเขาแต่แรกแล้ว  และจนถึงทุกวันนี้  เราก็ยังไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดี…



                     เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร  อายุเท่าไร  ไม่รู้แม้กระทั่งชื่ออะไรด้วยซ้ำ  คำถามที่เกี่ยวกับตัวของเขามากมายก็เกิดขึ้นในใจของเรา  ไดอารี่ลองคิดดูสิ… ถ้าเรามีคำถามที่อยากรู้มาก แต่ไม่ได้รู้จะเป็นอย่างไร  หลังจากที่ลองสืบดูหลายวัน (เพราะเขาอยู่โรงเรียนเดียวกับเรา)  ก็รู้แค่ว่าเป็นรุ่นพี่อยู่ 2 ปี (เขาอยู่ม.6  เราอยู่ม.4)  และก็อยู่ชมรมเทควันโด  เขามักจะซ้อมตอนเย็นเป็นประจำ  
                     แต่นอกจากนี้ล่ะ  เราไม่รู้อะไรเลย... จริงๆ… 


                     เรามีเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ชมรมเดียวกับเขานะ  แต่เรายังไม่กล้าที่จะเล่าอะไรให้ใครฟังหรอก  มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรใช่ไหม เมื่อเราเป็นผู้หญิงจะไปชอบผู้ชายก่อนได้ยังไง  แต่ในเมื่อทุกๆวันผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งได้พบ ยิ่งได้เห็น  ยิ่งได้เจอ บ่อยเข้า เราก็ยิ่งคิดว่าคนนี้แหละที่ "ใช่"  เมื่อบ่อยๆเข้า  ความรู้สึกที่มีอยู่ มันก็เอ่อล้นออกมา  เราทำใจกล้า ถามข้อมูลของเขาจากเพื่อนคนนี้  ก็ได้มาหลายอยู่นะ แต่เพื่อนหลายๆคนก็เตือนเราว่า

         " อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เขาไม่เหมาะกับแกหรอก "  

         " นายคนนั้นเป็นคนเกเรนะ  เที่ยวสนุกไปวันๆ " หรือไม่ก็

         " เจ้านั่นน่ะเหรอ ไม่สนใจการเรียนหรอก  ชอบทำผิดกฎระเบียบประจำ "

                     เรารู้อยู่แล้วล่ะ  เรามองเขาอยู่ทุกวัน ทำไมเรื่องแค่นี้จะไม่รู้ล่ะ  แต่มันก็ไม่สามารถทำให้เราเปลี่ยนใจจากเขาได้เลย  ความรู้สึกที่มี มันก็ยิ่งมากกว่าเดิม และ

                     เราก็คิดว่า ขอเพียงแค่เราได้รู้จักกับคนคนนี้  ถ้าคนคนนี้ได้รู้จักกับเรา เรามั่นใจว่าจะต้องดึงเขากลับมาจากสิ่งที่เลวร้ายได้  แต่ก็นั่นแหละ! เราจะไปรู้จักกับเขาได้ยังไงล่ะ  ในเมื่อเราเองก็เป็นคนขี้อาย  ทั้งๆที่ชอบมากขนาดนี้ แต่ก็ไม่สามารถระบายออกมาเป็นคำพูดได้  จะให้เราทำอย่างไร ถึงจะทำให้เขารู้จักเราได้  

                     บางครั้งเราก็อยากจะเดินไปตรงหน้าเขา แล้วทำความรู้จักอย่างตรงไปตรงมา  แต่เราจะไปเอาความกล้ามากมายขนาดนั้นจากไหนล่ะ  เรื่องมันก็น่าจะจบลงที่ตรงนี้แล้ว  ถ้าไม่เพราะมีเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้นมา  

                     ความรู้สึกของเราอาจหยุดลงแค่คำว่าแอบปลื้มก็ได้…




                    ในวันหนึ่ง  เพื่อนที่อยู่ชมรมเทควันโดโทรมาหาเรา  ตอนนั้นเราอยู่ที่บ้าน  แต่เพื่อนต้องอยู่โรงเรียนซ้อมกีฬา ซึ่งก็มีเขาอยู่ด้วย  คุยไปคุยมา  เขาก็เข้ามาถามเพื่อนเราว่าคุยกับใครอยู่เหรอ  แล้วเพื่อนก็หยิบรูปของเราให้เขาดู (เพื่อนคนนี้น่ารักมากเลย ตอนที่รู้นะ แทบจะเข้าไปกอดเลยล่ะ)  แล้วเพื่อนก็ถามเขาว่าเราน่ารักไหม? ……  

                     รู้ไหม! เขาตอบว่าอะไร  

                     เขาบอกว่า " ก็น่ารักนะ "  แค่นี้แหละ คะแนนของเขาพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที ^o^ เขาถามว่าชื่ออะไร แหมเล่นพูดแบบเนี้ย เป็นใครๆก็ชอบใช่ไหมล่ะ


                    อีกไม่กี่วันต่อมา  เราเดินผ่านหน้าเขาไป  ก็รู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่  พอหันไปมอง ก็เห็นเขามองเราอยู่ ตื่นเต้นมากเลยนะ  เรานะ รีบหันกลับแทบไม่ทันเลย แล้วเขาก็ไปบอกเพื่อนเราว่าเจอเราตัวจริงแล้ว ขาว น่ารักดีนะ  โหย!  ใจคนน่ะ ไม่ใช่หินนะ มันก็ต้องอ่อนไหวกันบ้างสิ  

                     ส่วนใจของเรานะละลายลงนานแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเขา  


                                                                       …………………………..


                   ไดอารี่จ๋า…  ขอโทษนะที่หายไปนาน  นี่เรามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง  เมื่อเช้านี้นะ  เราคุยโทรศัพท์อยู่กับเพื่อนคนที่อยู่ชมรมเทควันโดอยู่ แล้วก็รู้สึกเหมือนเพื่อนหันไปคุยกับใครอยู่ก็ไม่รู้ หลังจากนั้นก็มีเสียงแทรกขึ้นมา
        
                   " ฮัลโหล "
        
                    กรี๊ด!!!  ไม่อยากจะเชื่อเลย เสียงของเขานี่น่า

                   " นั่นใครน่ะ " เสียงของเขาดังขึ้นมา  ใช่จริงๆด้วยเขากำลังคุยโทรศัพท์กับเราอยู่ ตายแล้วเราจะทำยังไงดี  

                     " คนสวยไงล่ะ "  แล้วเสียงของเราก็ดังขึ้น  ไดอารี่เชื่อไหม  เราแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเราพูดอะไรออกไป  คำพูดมันไปก่อน ที่สมองจะทันสั่งงานอะไรแล้ว  เหมือนว่าความคิดของเราไม่ทำงานเลย  แล้วก็ได้คุยต่ออีกนิดหน่อย  

                     เขาเป็นคนขี้อายเหมือนกันนะ 


                                                                      .....……………………….


                     ไดอารี่!  เราก็รู้ว่าเราเป็นผู้หญิงที่แย่มากเลย  ทั้งๆที่รู้ว่าเขามีคนที่ชอบแล้ว  ทั้งๆที่รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว เราก็ยังไปหลงปลื้มเขาอีก  

                     ทุกครั้งที่เจอเขาเราดีใจมาก.. มากจริงๆนะ ดีใจที่อย่างน้อย คนอย่างเราในช่วงเวลาหนึ่งก็ได้รู้จักกับความรัก แต่ก็เสียใจมาก..เท่าๆกับดีใจนั่นแหละ  

                     รู้ไหมแฟนเขาเป็นยังไง เธอสวยมาก หุ่นดี แล้วยังผอม สูง  แถมเป็นหลีดของโรงเรียนตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยนะ จะเรียกว่า Perfect  เลยก็ว่าได้  แล้วลองมาดูเราสิ  ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะไปแข่ง หรือแย่งอะไรกับใครเขาหรอกนัก เรารู้ตัวดี และก็คงไม่มีปัญญาด้วย  ถ้าจะมีก็คงเป็นแช่ง และก็อาฆาตเล็กน้อย (ไดอารี่คงไม่คิดใช่ไหมว่าเราแย่มากใช่ไหม) ให้พวกเขาเลิกกัน  

                      แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ในวันที่เขาเสียใจมาก แต่ทำไมใจของเรากลับดีขึ้นมาเยอะ เราเกลียดตัวเองที่คิดแบบนี้ที่สุด  เขาเลิกกับแฟนแล้ว เธอเป็นฝ่ายขอเลิกเอง ทำไมล่ะ  ถ้าเป็นเรานะ เราไม่มีทางทำให้เขาต้องทุกข์ใจหรอก  ทั้งๆที่เธอเป็นแฟนกับเขา  ทั้งๆที่เธอมีสิ่งที่เราอยากได้มากที่สุดแล้ว ทำไมกลับทิ้งขว้างแบบไม่เห็นค่าอย่างนั้น  เขาขอกลับบ้านด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย เรื่องเพียงแค่นี้เธอก็ไม่สามารถให้เขาได้  เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เขาถึงกลับร้องไห้ไปเลย  

                      เราเองก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันนะ ที่เห็นเขาเป็นแบบนั้น  ก็มีบางครั้งที่คิดว่าทำไมเขาไม่หันกลับมามองตัวเราบ้าง  แต่จะให้ทำยังไงได้ ก็ในเมื่อเราไม่กล้าพอที่จะพูดอะไรกับเขา…



                      มีเพื่อนของเราคนหนึ่งนะ (เพื่อนคนเดิมแหละ  ตอนนี้ มีหลายคนมากเลยที่รู้ว่าเราชอบเขา  ก็ความรู้สึกมันโจ่งแจ้งขนาดนี้ แม้แต่เขาเองก็คงรู้แล้วล่ะมั้ง)  เพื่อนคนนี้จะช่วยเหลือเรามาก เพราะรู้จักกับเขาด้วยแหละ (ก็อยู่ชมรมเดียวกันนี่น่า)  และก็ไปขอเบอร์มาให้เรา  ด้วยความที่เราเกรงใจ ในน้ำใจที่เพื่อนให้เรา ก็เลยรับเอาไว้ ตอนที่เขาถามว่าใครขอ พอเพื่อนบอกชื่อไป เขาก็พยักหน้าแบบจำไม่ได้  

                     เรานะรวบรวมความกล้าอยู่นานมาก กว่าจะกดเบอร์ของเขาได้แต่ละตัว  ในที่สุดก็ได้คุยกัน  ครั้งแรกถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก (วันนั้น ปลื้มตัวเองมากเลยล่ะ) ที่คุยกัน เขาเฮฮา สนุก คุยดีมากเลยก็ว่า และก็ค่อนข้างนาน  และแน่นอนที่สุด  

                      มีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งที่2  ตอนที่โทรไปอยู่กับเพื่อนหลายคน พอโทรไปแล้ว เหมือนว่าน้ำเสียงของเขาไม่ค่อยดีด้วย คงรำคาญน่ะ คุยได้สักพักเขาก็ขอวางสาย  วันนั้นเราก็เศร้าไปเลย คิดกับตัวเองว่าเราไม่ควรโทรไปรบกวนเขาแบบนั้น  พอคิดแบบนั้นแล้ว เราก็ไม่โทรไปอีกหลายเดือน จนกระทั่งเขาเอาPCTให้เพื่อนใช้  แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาได้ยังไง เพื่อนของเขาก็ให้เบอร์มา ซึ่งก็เป็นเบอร์บ้านเขาเองแหละ  แต่เราก็ยังไม่กล้าโทรไปอยู่ดี

                      จนกระทั่งความรู้สึกที่คิดถึงมันเอ่อล้นออมาเรา ถึงได้ตั้งสมาธิอีกครั้ง แล้วก็โทรไป  เขากลับมาคุยดีอีกแล้ว คุยกันประมาณ 1 ชั่วโมงแหนะ  ยิ่งทำให้เรามีความหวังว่า พอลุ้นอยู่บ้าง  เราก็รู้นะ..ทำไมจะไม่รู้ว่า เรากำลังคิดเข้าข้างตัวเอง  แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น ไม่คาดหวัง แล้วเราจะมีเป้าหมายอะไรในชีวิตอีกล่ะ  เราถึงพยายามโทรบ่อยขึ้น เพื่อที่จะตีสนิทกับเขาให้ได้  แต่เขาชอบกลับบ้านดึก แล้วเราก็ใช้โทรศัพท์ตอนดึกๆไม่ค่อยได้(เดี๋ยวแม่ตื่น)  บางทีแม่ของเขาก็มารับ แล้วก็บอกว่าเขายังไม่กลับบ้าง เขาหลับแล้วบ้าง เราเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ไม่รู้ว่าแม่ของเขาจงใจตัดสาย หรือว่าเขาเป็นคนบอก จะรำคาญเราแล้วหรือเปล่า เราก็ไม่รู้  

                      ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป สู้ให้เขาบอกออกมาเลยดีกว่า เราจะสบายใจกว่าเยอะ  ถึงจะเจ็บบ้าง ก็ไม่เป็นไร ดีกว่าให้มันค้างคาอยู่แบบนี้




                       เราท้อแล้วนะ… ไดอารี่ T-T  เขาคืนดีกับแฟนเก่าแล้ว  บางครั้งเราก็อยากจะเลิก  อยากจะลืม แล้วกลับมาเป็นเราคนเก่า  แต่เราทำไม่ได้  ไดอารี่จ๊ะ เราเคยพยายามแล้วนะ  ตอนปิดเทอม เราคิดว่าเราทำได้แล้ว เราคิดว่าลืมเขาได้อย่างสนิทใจแล้ว  ในเวลาที่ไม่ได้เจอหน้าเขา  เราก็ทำใจได้

                       แต่พอเปิดเทอมขึ้นมา  พอได้มาเจอทีไร เรากลับอ่อนลงทันที  เราเองก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นเลย  แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี  เราไปปรึกษากับเพื่อนหลายคนนะ (ที่สนิทกันจริงๆ  กว่าพวกที่ชอบเล่นสนุกจับคู่ให้คนอื่น)  แต่ละคนก็มีแต่พูดว่าให้ เลิกเถอะๆ   เหมือนขอไปที เหมือนว่าไม่แคร์อะไร เหมือนว่าเราไม่ได้รักเขาจริงๆ ก็พูดง่ายดีนิ  ในเมื่อพวกเขาไม่เคยมีความรัก  ไม่เคยรักใครแบบเรา ก็พูดตัดใจได้ง่ายๆ  ทำไมถึงไม่คิดถึงหัวอกเราบ้าง  คำแต่ละคำที่พูดมาทำลายจิตใจของเราขนาดไหน  

                        เรารู้ ที่เพื่อนๆเตือนเรา ก็มาจากความหวังดี  เรารู้ เขาเป็นคนไม่ดีเท่าที่ควร แต่ลึกๆแล้ว เขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้ เรายังไม่ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เรายังไม่ได้รู้จักนิสัยที่แท้จริงของเขาเลย  แล้วจะให้เราตัดใจง่ายๆได้ยังไง  เราอยากบอกว่าเรารักเขานะ แต่เราก็ไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น  เราไม่ได้คิดว่า จะต้องเป็นแฟนของเขาให้ได้  ขอแค่เป็นเพื่อนที่ได้เจอหน้า ได้พูดคุยกันก็พอ  เราขอแค่นี้จริงๆ…  

                       อย่างที่พูดแหละ  ไดอารี่ เราเหนื่อย แล้วก็ท้อแท้มากเลย  ..ที่เราพูดคุยกับเพื่อนน่ะ  ก็เพื่อต้องการกำลังใจ ไม่ใช่มาซ้ำเติมกันแบบนั้น  จะมีใครไหมที่เข้าใจเราจริงๆ  ที่รู้ความรู้สึกของเราจริงๆ


                       เราจะลองพยายามต่อไป  แต่เราก็ไม่รู้ว่าทำได้มากแค่ไหน  ถ้าพยายามไปเรื่อยๆแล้วมันไม่สมหวังล่ะ  ควรเลิกตั้งแต่ตอนนี้จะดีไหม  ถ้าพยายามแล้วมันไม่มีผลอะไรเลย  ในเวลาที่เราสับสน เราอยากรู้มากเลยว่าเขาคิดยังไงกับเรา  รำคาญไหมที่มีคนที่ไม่ได้ชอบมาชอบตน  จะเบื่อไหมที่เห็นเราคอยมองตาม



                       บางครั้งนะ เราก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหา พูดคุยกับเขายังไงดี เราก็เที่ยวถามคนโน่น คนนี้ไปทั่ว ตอนนี้ทุกคนทั้งห้องก็คงรู้กันหมดแล้ว เขาเป็นคนดัง แล้วก็เท่มากนี่น่า ใครๆก็อยากจะได้มาเป็นแฟน (ยกเว้นเรื่องเรียน) เพื่อนแต่ละคน บางทีก็นึกสนุก ช่วยเราบ้าง  ไม่ช่วยเราบ้าง  เราเองก็กลุ้มใจมากเลยนะ ไดอารี่  

                      ขนาดตัวเขาเองเรายังเข้าไปถามเลย  เขาก็บอกว่าให้เข้ามาทักได้เลย  มันก็ได้กำลังใจจากเขามากขึ้นล่ะนะ  เพราะงั้น  เมื่อตอนบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็ได้โอกาสเหมาะ เขานั่งเรียนอยู่หลังห้อง(เห็นทีไรก็อยู่หลังห้องทุกที)

                     เราเดินผ่านไปกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ปากก็ถามไปว่า  "เรียนอะไร"  ตอนนั้นเราเขินมากเลยล่ะ  แล้วในขณะที่เขากำลังจะตอบ ขาเราก็พาเดินออกไปไม่ยอมหยุดเลยง่ะ  

                     ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบจากปากของเขาเลย แต่ได้ยินแว่วๆว่า 'สังคม' อะไรนี่แหละ  แล้วหลังจากที่ผ่านห้องเขา เราก็รีบวิ่งจู๊ดไปเลย  ตอนนั้นนะ  ดีใจมากๆ ใจงี้เต้นสั่นไปหมดเลย  และแน่นอนล่ะ! วันนั้นเราก็อารมณ์ดี ยิ้มไม่หุบไปทั้งวัน  ถึงแม้ใครจะหาว่าเวอร์ หรือบ้าก็ตาม  เราไม่สนใจหรอก  เพราะว่ามันเป็นความรู้สึกจริงๆ ที่เราไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย  และถึงแม้มันจะเป็นคำพูดเพียง 2 คำที่เขาพูดกับเราเท่านั้นก็ตาม  


                     คืนนั้นน่ะ เรานอนหลับฝันดีเลยล่ะ  ทำให้คิดว่า ต่อไปเราคงจะกล้าพูดกับเขามากขึ้น  แต่แล้วมันกลับไม่ใช่  พอเจอหน้าเขาทีไร ก็ไม่กล้าที่จะสบตาทุกที  

                     รู้ไหม? ไดอารี่ ว่าทุกครั้งที่เราเป็นฝ่ายทักเขาน่ะ เขาจะต้องอยู่คนเดียว และก็หันหลังอยู่ด้วย ไม่งั้นเราจะไม่กล้ามองหน้าเขาเด็ดขาด ไม่กล้าที่จะสบตาด้วย   เพราะงั้น เวลาเจอเขาทีไร เรามักจะหันไปคุยกับเพื่อน หรือไม่ก็ทำเป็นมองไม่เห็นเขา ทั้งๆที่ในใจมันอยากจะเข้าไปหาจะแย่อยู่แล้ว  

                      'ถ้าเรามีความกล้ามากกว่านี้นะ'

                       เราคิดแบบนี้ทุกครั้งที่พบเขา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา ทำไมล่ะ? เราไม่อยากมีความทรงจำ หรือความรู้สึกดีๆแบบคนอื่นเขาเหรอ  เวลาที่เกียจคร้าน ทุกครั้งที่เราเป็นแบบนั้นเราก็จะนึกถึงว่า 'ทำเพื่อเขา' แค่นี้เราก็มีกำลังใจขึ้นมามากโขเลยล่ะ (ถึงมันจะไม่เกี่ยวอะไรเลยก็ตาม)  

                        ตอนเช้าๆเวลาตื่นก็นึกถึงหน้าของเขา เราก็จะดันตัวเองลุกจากเตียงได้ง่าย เราคิดไว้นะว่า แค่เขาเป็นกำลังใจให้เราก็เพียงพอแล้ว  แต่ในความเป็นจริงแล้ว  เขาไม่รู้เลยสักนิดว่ามีเราอยู่ตรงนี้  ต่อให้ทำเพื่อเขาไปมากมายแค่ไหน แต่ความรู้สึกนั้น ก็ไม่อาจส่งไปถึงใจของเขาได้ ถ้าเรายังเป็นอยู่แบบนี้  เราไม่อยากเป็นแค่คนๆหนึ่งที่เขารู้จัก แต่เราก็ไม่กล้าพอที่จะทำอะไรออกมาให้ชัดเจน  พอเราคิดแบบนี้นะ เรานึกไปถึง mail หนึ่งที่เพื่อนของเราคนหนึ่งส่งมาให้เลยล่ะ

                       ไดอารี่ลองดูนะ



      อยากบอกแค่ว่า....
      ฉันรู้แค่ว่า... ฉันรักเขา   แต่ฉันไม่รู้ว่า เขารักฉันหรือเปล่า?
      ฉันรู้แค่ว่า... เขาทำให้ฉัน มีความสุข   แต่ฉันไม่รู้ว่า ฉันทำให้เขา สุขหรืออึดอัด?
      ฉันรู้แค่ว่า...เขาห่วงฉัน และฉันรู้ว่าฉันห่วงเขา
      ฉันรู้แค่ว่า...เขาหวังดีกับฉัน และฉันหวังดีกับเขา
      แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาห่วงและหวังดีกับฉันแค่เพื่อนหรือมากกว่านั้น ?
      แต่ฉันรู้ดีว่าฉันห่วงและหวังดีกับเขามากกว่าแค่เพื่อนกัน!
      ฉันรู้แค่ว่า...เขายังลืมคนรักเก่าของเค้าไม่ได้   แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ลืม?
      ฉันรู้แค่ว่า...ฉันไม่ควรคิดกับเค้ามากกว่าเพื่อน    แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำอย่างไร?
      ฉันรู้แค่ว่า...เขาเคยทำให้ฉันคิดว่าเขาก็รักฉัน    แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันคิดเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า?
      ฉันรู้แค่ว่า...ฉันเคยเสียน้ำตาให้เขา   แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะรู้หรือเปล่า?
      ฉันรู้แค่ว่า...ฉันกำลังจะไป   แต่ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้กลับมา?
      ฉันรู้แค่ว่า...ฉันจะยังคงคิดถึงเขาเสมอ    แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะคิดถึงฉันบ้างไหม?
      ฉันรู้แค่ว่า...ฉันจะรอเขาตลอดไป    แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันคิดถูกหรือเปล่า?
      ฉันรู้แค่ว่า...ฉันอยากบอกรักเขา   แต่ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่? ฉันจะกล้า
      และฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยากได้ยินหรือเปล่า?

      สุดท้ายฉันรู้แค่ว่าฉันอยากให้เขาอ่านบทความนี้   แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะได้อ่านมันหรือเปล่า?

      ...แต่ถ้าเขาได้อ่านมันจริง ฉันอยากบอกเขาว่า เขาทำให้ชีวิตฉันมีความสุข
      แม้จะเคยเสียน้ำตา เขาก็ทำให้ฉันยิ้มได้เมื่อนึกถึงสิ่งดีดีที่เขาทำให้
      เขาทำให้ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักคำว่ารัก   เข้าใจว่า "รัก" คืออะไร ถึงแม้มันจะไม่ใช่รัก ที่สมหวังนัก แต่ผู้หญิงคนนี้ ก็รู้สึกดีที่มีคนให้รัก ขอบคุณ


                                                                        ……………………………
          

                       นี่ ไดอารี่ วันนี้นะ ที่โรงเรียนเราจัดงานลีลาศขึ้นมาล่ะ (ถึงจะเป็นการสอบของระดับชั้นเราก็เถอะ คิดแล้วเศร้า) ตื่นเต้นมากเลย ปีของเราเป็น ปีแรกเลยนะที่จัด (อะไรก็รุ่นเราเป็นปีแรกทุกที) เราก็เต้นกับคู่ของเรา  แต่ว่าอาจารย์ให้เปลี่ยนคู่ไปเรื่อยๆ ให้ครบ10คน แล้วบันทึกเอาไว้ กว่าจะมารู้ตอนหลังว่าไม่ได้เก็บคะแนน  นี่ก็เล่นเอาเศร้าอีกเหมือนกัน เพราะเตรียมตัวมาดีมาก

                    วันนี้นะ เราก็แต่งชุดออกมาสวยเลยล่ะ (เห็นเพื่อนพูดแบบนั้นนะ) แล้วในระหว่างที่เต้น ก็ส่ายสายตามองหาเขา  แต่ก็ไม่เจอเลย (อาจารย์ให้ชั้นอื่นมาร่วมงานได้ นั่งดูเฉยๆ) ก็เลยคิดว่าเขากลับไปแล้ว เพราะแม้แต่เพื่อนๆของเขาก็ไม่อยู่เลย  งานมันมีหลังเลิกเรียนน่ะ จะได้ไม่กระทบกับเวลาเรียน  แต่ยังไงวันนั้น นักเรียนก็พูดถึงกันจนไม่เป็นอันเรียนเลยนะ  

                    ยิ่งห้องเรานะ 3คาบสุดท้าย เป็นชั่วโมงการจัดดอกไม้ เลยขออาจารย์ใช้ห้องนั้น แต่งตัวก่อนเวลา ประมาณชั่วโมงได้ อาจารย์เองก็ท่าทางจะดีใจด้วย ยังบอกให้นักเรียน อย่าลืมมาขอครูเต้นรำด้วย ไม่งั้นจะหักคะแนนให้หมด เราเองก็พยายามแต่งตัวให้สวย เพื่อให้เขาเห็นเลยนะ แต่ถ้าเขาไม่อยู่แบบนี้ ความหวังของเราก็เป็นหมันนะสิ 


                    แต่แล้วพองานเลิก เราก็กวาดสายตาไปพบเขานั่งกับเพื่อนอยู่ที่ม้านั่งยาว (เขาแยกออกมานั่งที่โต๊ะกลมคนเดียว ใกล้ๆกัน) แล้วเราอยากจะถ่ายรูปกับเขามาก เลยปรึกษาเพื่อน เพื่อนมันก็ถามว่าจะถ่ายไหม เดี๋ยวถ่ายให้ มันเองก็อยากถ่ายเหมือนกัน แล้วเพื่อนเราคนหนึ่งที่พกกล้องมาด้วยก็เข้าไปถามเขาว่า ขอถ่ายรูปได้ไหม พอเขาตกลงปุ๊บ 

                    พวกมันก็ผลักเราที่กำลังก้าวขาไม่ออกเข้าไปเลย แรงจนสะดุด ตอนนั้นนะอายมากเลยล่ะ ดีที่ไม่ล้ม แล้วเราก็เข้าไปยืนใกล้ๆเขา แต่ระดับมันต่างกันเกินไป เพราะเขานั่งอยู่ เราก็ให้เขายืน แต่เขาก็จะให้เรานั่ง เราก็เลยนั่งลง มันเบียดมากเลย  พอนั่งเฉยๆก็รู้สึกว่ามันโล่งๆ เราก็เลยมันมือเกาะไหล่เขาอีกฝั่งหนึ่ง รู้สึกตื่นเต้นระคนอบอุ่นยังไงก็ไม่รู้  

                     พอถ่ายได้2ใบ ก็รีบวิ่งออกมาเลย วันนั้นก็ดีใจแทบเป็นบ้าเลยล่ะ


                                                            .................................


                    ตอนนี้เราเริ่มสอบปลายภาคแล้วนะ  ยังอ่านหนังสือไม่ทันเลย อาจารย์ก็ให้งานมากตั้งเยอะแหนะ  แทนที่ว่าใกล้สอบนักเรียนจะได้มีเวลาว่างอ่านหนังสือกัน กลับต้องมานั่งทำงาน แย่จัง  

                   อ๊ะ! แต่ที่เข้ามาคุยนี่ ไม่ใช่เรื่องนี้หรอกนะ  ก็คือว่าพอสอบเสร็จวันแรก เราต้องการกำลังใจมากเลยโทรไปหาเขา เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็มีสอบเหมือนกัน (ชั้นเรียนต่างกัน เลยสอบคนละวันน่ะ) พอโทรไปนะ เขารับโทรศัพท์เองด้วย แล้วเขาก็ว่างที่จะคุยกับเราอีกต่างหาก พอเราเริ่มถามว่า อ่านหนังสือยัง เขาก็ตอบมาว่า ไม่อ่าน (เขาลืมไปหรือเปล่าว่า พรุ่งนี้เขามีสอบ) แล้วเขาก็บอกว่าไว้พรุ่งนี้ค่อยอ่านก่อนเข้าห้องสอบ

                    เราก็เลยถามเขาว่า เราช่วยติวให้เอาไหม แต่เขาก็ไม่รู้ว่า พรุ่งนี้มีสอบอะไรมั่ง -_-"  ก็เลยอดติวเลย เขาถามเราว่า 'สอบทำได้ไหม'  

                     เราบอกว่าได้บ้าง  หูย! เขาถามเราของเราด้วย ดีใจจัง  แล้วเขายังบอกอีกว่า เก่งก็ยังงี้แหละ  แล้วพวกเราก็คุยกันต่ออีกหน่อย ถึงเรื่องในอนาคต  การเรียนต่อ แล้วก็มีนินทาอาจารย์บ้างเล็กน้อย  ยังได้รู้อีกว่าเขามีพี่ชาย  พี่สาว (เห็นเขาบอกว่าไม่สวย) และก็น้องชาย(ที่หล่อ)  จากนั้นก็คุยกันต่อถึงเรื่องทรงผม เรื่องการเรียนอีกนิดจากนั้นก็วางสายไป  

                     ก็คงไม่ต้องบอกแล้วนะไดอารี่ ว่าวันนั้น เราก็มีความสุขแค่ไหน ^^





                       วันนี้เราได้เจอเขาอีกแล้วล่ะ  เรานะไปหาเพื่อนที่ชมรม (ที่จริงก็ข้ออ้างแหละ)  แล้วก็ได้เจอเขากำลังนั่งพักอยู่  เราก็เลยเข้าไปนั่งคุยด้วย ได้รู้มาอีกเรื่อง เขามีแฟนมาตั้งแต่ประถมเลย! (โห!)  หลังจากนั้น เขาก็ไปซ้อมเทควันโดต่อ  เราก็นั่งดูไปเรื่อยๆ  

                        ในขณะที่เรานั่งดูนะ  ไดอารี่.. เราก็เท้าคางไป แล้วนึกเรื่อยเปื่อย  ถ้าข้างๆเขา มีเราอยู่ด้วยจะดีแค่ไหน  ถ้าในสายตาของเขามองแต่เราล่ะ? มันจะวิเศษเพียงใด  แต่ว่ามันจะเป็นจริงได้อย่างไรกัน? 

                         เรารู้...ว่าเขาก็คงจะรู้แล้ว ว่าเราชอบเขาอยู่  แต่ทำไมเราไม่ทำอะไรให้ชัดเจนมากกว่านี้ล่ะ บอกเขาตรงๆไปเลยให้แน่ชัด เรื่องถูกปฏิเสธน่ะ  เราเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่เราก็ไม่กล้าสักที  ทั้งๆที่เขาอยู่ตรงหน้าเราแท้ๆแบบนี้  แต่ทำไมเราไม่ลองพยายามเอื้อมมือขึ้นไปหน่อยล่ะ  เราได้แต่คิดว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ทำอย่างนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้  แล้วก็มาเสียใจภายหลัง  เราเป็นแบบนี้หลายครั้ง มีแต่คิดว่าครั้งหน้า 'ต้องทำให้ได้'  แต่ก็ไม่เคยทำได้สักครั้งอีกเหมือนกัน  

                        เรารักเขานะ แต่เราไม่ได้สื่อให้เขารู้ว่ามันมากแค่ไหน  พอเราคิดแบบนี้ทีไรก็น้ำตาซึมทุกทีเลย ยิ่งถ้าเราได้ฟังเพลงที่ซึ้งๆ โดนใจล่ะก็… ร้องไห้เลยแหละ  เรารู้ดี ว่าเวลาความสุขแบบนี้ เหลืออยู่ไม่มาก เขาก็อยู่ม.6แล้ว  ต้องเตรียมตัวที่จะเข้ามหาลัย ทั้งๆที่เวลาเหลืออีกไม่ถึงเทอมแท้ๆ  ทำไมเรายังไม่บอกอะไรเขาอีกล่ะ  เราไม่อยากให้มันเป็นแค่ความทรงจำไม่ใช่เหรอ?

                      ช่างเถอะ  เราก็ได้แต่มาระบายความในใจแบบนี้แหละ  เรามันแย่เอง ที่ไม่กล้าพอที่จะทำอะไร  ถึงจะไม่อยากเสียใจภายหลัง ที่ต้องจากกันทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย  แต่ทำไงได้ล่ะ เรามันไม่กล้าเอง  

                      เรารอคอยความกล้าหาญที่จะมาถึงเข้าสักวันหนึ่ง  เราอยากหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ แต่เราก็รู้ว่าเราทำไม่ได้ ยิ่งคิดแล้ว เราก็ยิ่งเจ็บปวดมากไปเปล่าๆ  เราพยายามที่จะตัดใจ ก็ในเมื่อรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

                     แต่เราคงถลำลึกเข้ามามากเกินไปแล้ว 




                       ไดอารี่จ๋า.. หลังจากวันนี้ไปเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกนาน ในเมื่อเราไม่ได้เจอเขาแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเขียนเพื่อตอกย้ำความทรงจำของตัวเอง เราไม่อยากที่จะเสียใจ ไม่อยากที่จะนึกถึง  แต่เราก็ไม่อยากลืมเหมือนกัน เราจะเก็บเจ้าไว้ในลิ้นชักที่ลึกที่สุด

                       หากวันใดที่เราสามารถรักคนอื่นนอกจากเขาได้แล้ว  หากมีสักวันที่เรามีความสุขกับคนที่เรารักได้  วันนั้นเราจะได้พบกันอีกครั้งแน่นอน  เราจะมาเปิดความทรงจำ เมื่อถึงตอนนั้น ความทรงจำนี้ คงจะเป็นความทรงจำที่สนุกสนาน และก็วิเศษแน่นอน  

                      ลาก่อนนะจ๊ะ… เพื่อนที่แสนดี


      ความหมายของหัวใจ

      เราอาจจะหาความหมายของทุกสิ่งมาตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่า
      เพียงแค่มีบางสิ่ง………………ชีวิตก็มีความหมายแล้ว……………
      มนุษย์เกิดขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว  พร้อมด้วยหัวใจคนละ 1 ดวง
      เมื่อมนุษย์ 2 คนมาพบกัน  เราจึงเรียนรู้ว่า………… 1 + 1 อาจจะยัง
      คงเท่ากับ 1 แต่ความโดดเดี่ยวนั้นหายไป………………..
      ที่เล็กๆ ขนาดไม่ใหญ่โตไปกว่ากำปั้น ที่ทำให้เราอยู่รวมกันบนโลกใบนี้…
      อวัยวะที่สะกดด้วยอักษรง่ายๆ ใช้แทนคำว่า "รัก"
      ได้เป็นอย่างดี………

      ความรัก ที่ประทับใจขอเก็บไว้ในใจแล้วอมยิ้มนะ
      ความรัก ที่ไม่ประทับใจขอเก็บไว้เป็นประสบการณ์
      ความรัก ที่ทำเพื่อตัวเองนั้นไม่เรียกว่ารัก
      ความรัก ที่คุณเจอในอดีตขอให้เป็นความทรงจำที่แสนดี
      ความรัก ที่คุณเจอในปัจจุบันขอให้สมหวังกันทุกคน
      ความรัก ที่คุณเจอในอนาคตขอให้……(ลองอธิษฐานดูสิ)………

      " ถ้าออกซิเจนทำให้ชีวิตนี้ดำรงอยู่ได้  ความรักก็ทำให้การมีชีวิตมีความหมายมากยิ่งขึ้น "



                                                                                                                 จาก   ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังไม่กล้าพอ





                      ป.ล.   เราอาจจะเห็นแก่ตัวก็ได้นะ  เราไม่อยากจากเขาไปเลยจริงๆ  เราไม่ต้องการเห็นเขาเป็นของคนอื่น  เวลานี้เราก็มีความสุขที่ได้เห็นหน้าเขาอยู่ทุกวันแล้ว  แต่ถ้าเขาจบออกไปล่ะ?  เราจะทนได้หรือเปล่า เป็นไปได้เราแทบไม่อยากจะคิดเลย  

                     นาฬิกาทรายน่ะ ยังมีการกลับขึ้นลงได้ เพื่อให้มันมีทรายไหลตลอดเวลา  แต่ความสุขที่เรามี ไม่สามารถกลับขึ้นมาเพื่อให้มันไหลสู่หัวใจอีกครั้งได้แล้ว  

                     แค่มองหน้าเขาทุกวันแบบนี้ก็เป็นสุขแล้ว แค่ได้คุยกับเขา เราก็ดีใจแทบแย่  ไม่ได้ต้องการมากกว่านี้เลย ไม่ต้องบอกความรู้สึกนี้กับเขาก็ได้ แค่เพียงให้เขารับรู้เหมือนอย่างทุกวันนี้ก็พบ  คำขอร้องเพียงเท่านี้เท่านั้นเอง  

                    ทำไมล่ะ!  ทั้งๆที่เราไม่ได้หวังอะไรมากเกินไปเลย คำขอร้องเพียงหนึ่งเดียวของเรา ไม่สามารถจะเป็นจริงได้เลยเหรอ เราอยากให้เวลามันหยุดลงที่ตรงนี้… ถึงจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้  แต่เราก็เฝ้าอธิษฐานแบบนี้อยู่เสมอ  ไม่ว่ามันจะถูก หรือผิดก็ตาม และเราก็ยังอยากอยู่ใกล้ๆเขาตลอดไป ใครจะมาตัดสินความรักได้ล่ะ?  

                      ในเมื่อรัก มันเกิดจากหัวใจ ที่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย…









      - - - - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - -  - - - - - - - - - - - - - -
      -----------------------------------------------------------



        อ่านแล้วเป็นไงกันบ้างคะ  สนุก เศร้า คล้อยตามหรือเปล่า

      ถ้าชอบ  ก็ติดตามนิยายเรื่องต่อๆไปของอาชูร่าด้วยนะคะ



      http://www.dek-d.com/entertain/view.php?id=25529

      เธอ..หญิงโฉมสะคราญ ผู้มัดใจคนเพียงสบตา

      เพราะเธอไม่ใช่มนุษย์!

      กับ

      เขา..ชายสูงศักดิ์ ผู้อยู่เหนือคนทั่วหล้า หากอยู่ใต้คนๆเดียว

      และคนนั้นก็คือ เธอ!

      - -รัตติกาลกำลังถูกท้าทาย คำสาปจักหวนคืนอีกครา!!


      นี้เป็นเรื่อง  แนวแฟนตาซี  ออกร้ายๆ โหดๆนิดหน่อย






      http://www.dek-d.com/entertain/view.php?id=21287&from_entertain=1

      ข้าไม่ใช่เทพธิดา มิใช่บุตรีแห่งพระเจ้า ไม่ใช่ผู้ที่จะแก้ไขชะตาชีวิตของใครได้

      ข้าเป็นเพียงหญิงธรรมดาที่อยากได้ยินคำๆนั้นจากชายที่ข้ารักเพียงคนเดียว


      ส่วนเรื่องนี้ก็แนวแฟนตาซีเหมือนกัน  แต่จะออกเศร้าหน่อยๆ  



      ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องยาว  ได้อ่านจุใจแน่นอนคะ




      อาชูร่า

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×